เร่งขาวทันใจ เสี่ยงมะเร็ง

สาธารณสุขเตือนวัยรุ่น สาวประเภทสอง ที่นิยมใช้“ครีมกัดผิว” เปลี่ยนสีผิวให้ขาวใสทันใจเห็นเหมือนเกาหลี ชี้ใช้บ่อยอันตราย ทำให้ผิวบาง แพ้สารเคมีง่ายขึ้น และเกิดริ้วรอยเยือนเร็วก่อนวัย อนาคตเสี่ยงเนื้องอก-มะเร็งผิวหนัง จากสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่ผสมอยู่ในครีม ความขาวที่ได้จะไม่ยั่งยืน แนะเคล็ดไม่ลับวิธีดูแลผิวสวยจากภายในทำได้ง่าย เพียงเน้นความสะอาดผิวหนัง กินอาหารที่มีวิตามินอี วิตามินซี ผักที่มีสีเหลือง ทาโลชั่นให้ผิวชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงแสงแดด ทำจิตใจให้ผ่องใส พักผ่อนเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ 

           นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังนิยมการมีสีผิวขาว ใส เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ดูดีขึ้น ดูสดใสเหมือนชาวเกาหลี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิง และเริ่มแพร่หลายในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้น โดยเฉพาะสาวประเภทสองจะฮิตใช้มาก เนื่องจากเข้าใจว่าทำให้ผิวขาวเนียนเหมือนผู้หญิง และทำให้ขนตามแขนขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีทอง ดูไม่น่าเกลียดเมื่อใส่ชุดโชว์เรือนร่าง จึงหันมาใช้ครีมเปลี่ยนสีผิว เนื่องจากราคาถูก ใช้แล้วเห็นผลเร็ว หาซื้อง่ายตามตลาดนัด ร้านเสริมความงาม และมีขายทางอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก

           นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อว่า ครีมเปลี่ยนสีผิวนั้น จะมีส่วนผสมหลักก็คือ สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogenperoxide) สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนระคายเคืองสูง อาจทำให้เกิดระคายเคือง แสบ คัน และเป็นผื่น จะมีลักษณะเป็นน้ำ ในทางการแพทย์นำมาใช้ในการทำความสะอาดแผลที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่นแผลลึก ปากแผลแคบ จากตะปูตำ ถูกแทง เป็นต้น เมื่อถูกบาดแผลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะกลายเป็นฟอง สามารถชำระสิ่งสกปรก เชื้อโรค เศษดินต่างๆ ที่อยู่ในแผลออกมา โดยในการใช้จะนำมาผสมกับน้ำ ในสัดส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ส่วนต่อน้ำ 20 หรือ 30 ส่วนเป็นต้น นอกจากนี้ สารดังกล่าวยังมีการนำมาใช้กัดสีผม ย้อมผม ผสมในยาสีฟัน กัดสีขน และใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท 

           ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิดจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการกำหนดเครื่องสำอางควบคุม ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ดังนั้นผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ต้องมาขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก่อนผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางนั้นๆ โดยอนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมในอัตราส่วนไม่เกิน 12 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยในช่องปากไม่เกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันไม่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ หากเกินอัตราส่วนที่กำหนดถือว่าเป็นเครื่องสำอางผิดกฎหมาย 

         ด้านนายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาใช้กับผิวโดยตรง ถือว่าเป็นการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะไม่ได้มีข้อบ่งชี้กำหนดว่าให้ใช้สารนี้ในการฟอกสีผิว แต่เพราะค่านิยมในปัจจุบัน จึงมีการนำมาใช้ผสมในครีมกัดผิวในเปอร์เซนต์ที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือครีมที่ส่วนผสมของสารนี้มาใช้กับผิวหนังเพื่อหวังให้ผิวขาว สารนี้จะไปกัดผิวชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้นจริง แต่จะขาวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และหากใช้ตั้งแต่อายุยังน้อย และใช้บ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังซึ่งเป็นเกราะป้องกันโดยธรรมชาติเสื่อมหรือบางลง เมื่อทาครีมหรือสารชนิดอื่นที่ผิวหนัง ก็จะเกิดการซึมซับของสารได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น 
 
           ประการสำคัญ ผิวหนังที่ผ่านการใช้สารกัดผิวมาแล้ว จะมีความทนทานต่อแสงแดดน้อยลง เนื่องจากสารเม็ดสีในผิวหนังที่เรียกว่าสาร “เมลานิน” (Melanin) จะโดนฟอกออกไปด้วยทำให้สารเม็ดสีน้อยลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการผิวแพ้ง่าย เมื่อโดนแสงแดด เหงื่อออกหรืออยู่ในที่ร้อนๆ ผิวหนังจะตึง และมีอาการแสบ คัน หากโดนแสงแดดซ้ำบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวก่อนวัยอันควรได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเซลผิวหนังที่มีเม็ดสีน้อย เมื่อโดนแสงแดดมาก ๆ หรือเป็นเวลานานๆ จะถูกทำลายลึกไปถึงระดับโมเลกุลและระดับดีเอ็นเอด้วย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นตุ่ม เป็นเม็ดแข็ง เป็นเนื้องอกผิวหนัง มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าผิวธรรมดา แม้ว่ามะเร็งผิวหนังจะเป็นมะเร็งที่มีลำดับความรุนแรง มีการกระจายตัวน้อยกว่ามะเร็งอื่นๆ ก็ตาม แต่หากละเลยหรือมีการวินิจฉัยที่ผิดพลาด จะมีโอกาสเกิดแผลขนาดใหญ่ เกิดปัญหาในการรักษา อาจจะต้องตัดหรือคว้านอวัยวะส่วนที่เป็นนั้นออกไป 
    
        จึงอยากจะทำความเข้าใจวัยรุ่นว่า ผิวคนเรานั้นเกิดจากพันธุ์กรรม สายพันธุ์แตกต่างกันไป ซึ่งผิวทุกสีทุกลักษณะจะดูดีในแบบของตัวเอง บางคนที่ผิวเข้มก็สามารถทำให้ผิวเนียน สวย ดูดีได้ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีนเช่นเนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินอีและวิตามินซีหรืออาหารที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่นผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่นฟักทอง แครอท เพื่อดักของเสียออกจากร่างกายหรือผิวหนัง ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังอาบน้ำเช้า เย็น หรือทาบ่อยๆ เท่าทีต้องการ รวมทั้งทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันในตอนเช้าและตอนเที่ยง เพราะผิวหนังเป็นอวัยวะที่มีชีวิตและต้องการน้ำเป็นส่วนประกอบ และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด 

          นอกจากนั้น เรื่องของจิตใจ เช่นความเครียด การนอนดึก จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองมีการกระตุ้นการสร้างสารเมลานินมากขึ้นทำให้ผิวหมองคล้ำ จึงควรทำจิตใจให้ผ่องใส พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้มีผิวสวยจากภายในได้เป็นอย่างดี
 นายแพทย์จิโรจกล่าว

 

กระทรวงสาธารณสุข